UFABET OFFICIAL เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ

หน้าหลัก UFABET

แทงมวย online

แทงมวย online ทั้งมวยไทยและมวยสากล

แทงมวย online

แทงมวย online ทั้งมวยไทยและมวยสากล มวยเป็นกีฬาที่มีการเล่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ และมีการพนันเกิดขึ้นในกีฬานี้ เป็นการวางเดิมพันข้างสนาม แต่ในปัจจุบัน ไม่ต้องเดินทางไปดูข้างสนามแล้ว เพราะมีการแทงมวยออนไลน์เกิดขึ้นมา ทำให้ท่านสะดวกสบายเป็นอย่างมาก อยากเลือกเล่นคู่ไหนก็เลือกได้เลย และหากแทงถูกก็นอนรอรับเงินเลย

ufabet ของเรานั้น ได้รวมเอามวยคู่ๆต่างๆ ให้ท่านได้เลือกไว้มากมาย มีทั้งมวยไทย และมวยสากล รวมเอาไว้แทบจะทุกคู่เลยทีเดียว ที่นิยมเล่นกัน ได้แก่ สนามมวยราชดำเนิน,สนามมวยลุมพินี นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ อีกหลายรายการเช่น ศึกจ้าวมวยไทย, มวยไทยช่อง 7, มวยไทยช่อง 3, ศึกมวยมันส์วันศุกร์, มวยดีวิถีไทย

และวันนี้เราได้มีประวัติมวยไทย ความแตกต่างของมวยไทยและมวยสากล และกติกาในการให้คะแนน ให้ท่านได้ศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการเดิมพันได้

ประวัติความเป็นมาของมวยไทย

มวยไทยเริ่มขึ้นในสมัยไม่ปรากฏ และไม่มีหนังสือเล่มใดเขียนไว้ว่าจะเกิดขึ้นในสมัยใด แต่เท่าที่ได้ปรากฏนั้นมวยไทยได้เกิดขึ้นมานานแล้วและอาจเกิดขึ้นมาพร้อมๆกับชาติไทย เพราะมวยไทยนั้นเป็นศิลปประจำชาติไทยเราจริงๆยากที่ชาติอื่นจะลอกเลียนแบบได

มวยไทยในสมัยก่อนเท่าที่ทราบจะมีการฝึกฝนอยู่ในบรรดาหมู่ทหาร เพราะในสมัยก่อนไทยเราได้มีการรบพุ่งและสู้รบกันกับประเทศเพื่อนบ้านบ่อยครั้ง การสู้รบในสมัยนั้นยังไม่มีปืนจะสู้กันแต่ดาบสองมือและมือเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้การรบพุ่งก็มีการรบประชิดตัว

คนไทยเห็นว่าในสมัยนั้นการรบด้วยดาบเป็นการรบพุ่งที่ประชิดตัวมากเกินไปบางครั้งคู่ต่อสู้อาจเข้ามาฟันเราได้ง่าย คนไทยจึงได้ฝึกหัดการถีบและเตะคู่ต่อสู้เอาไว้เพื่อคู่ต่อสู้จะได้เสียหลักแล้วเราจะได้เลือกฟันง่ายขึ้นทำให้คู่ต่อสู้แพ้ได้

ต่อมาเมื่อในหมู่ทหารได้มีการฝึกถีบเตะแล้วก็เกิดมีผู้คิดว่าทำอย่างไรจึงจะใช้การถีบเตะนั้นมาเป็นศิลปสำหรับการต่อสู้ด้วยมือได้ จึงต้องให้มีผู้ที่จะคิดจะฝึกหัดการต่อสู้ป้องกันตัวสำหรับการใช้แสดงเวลามีงานเทศกาลต่างๆไว้อวดชาวบ้านและเป็นของแปลกสำหรับชาวบ้าน

เมื่อเป็นเช่นนี้นานเข้า ชาวบ้านหรือคนไทยได้เห็นการถีบเตะแพร่หลายและบ่อยครั้งเข้า จึงทำให้ชาวบ้านมีการฝึกหัดมวยไทยกันมากจนถึงกับตั้งเป็นสำนักฝึกกันมากมาย แต่สำหรับที่ฝึกมวยไทยนั้นก็ต้องเป็นสำนักดาบที่มีชื่อดีมาก่อนและมีอาจารย์ดีไว้ฝึกสอน

ดังนั้นมวยไทยในสมัยนั้นจึงฝึกเพื่อความหมาย ๒ อย่างคือ

๑. เพื่อไว้สำหรับสู้รบกับข้าศึก

๒. เพื่อไว้ต่อสู้ป้องกันตัว

ในสมัยนั้นใครมีเพลงดาบดีและเก่งกาจทางรบพุ่งนั้นจะต้องเก่งทางมวยไทยด้วย เพราะเวลารบพุ่งนั้นต้องอาศัยมวยไทยเข้าช่วย ดังนั้นวิชามวยไทยในสมัยนั้นจึงมุ่งหมายที่จะฝึกฝนเพลงดาบและวิชามวยไทยไปพร้อมๆกันเพื่อที่จะรับใช้ประเทศชาติด้วยการเป็นทหารได้เป็นอย่างดี

แต่เมื่อพ้นจากหน้าสงครามก็จะมีการชกมวยกันเพื่อความสนุกสนาน และมีการพนันขันต่อกันระหว่างนักมวยที่เก่งจากหมู่บ้านหนึ่งกับนักมวยที่เก่งจากอีกหมู่บ้านหนึ่งมาชกกันในหน้าที่มีงานเทศกาล หรือเกิดมีการท้าทายกันขึ้นและมีการพนันขันต่อ มวยในสมัยนั้นชกกันด้วยหมัดเปล่าๆยังไม่มีการคาดเชือก

เช่น สมัยอยุธยาตอนต้น ในสมัยนั้นคนไทยที่ทำชื่อเสียงให้กับประเทศในวิชามวยไทยมากที่สุดคือนายขนมต้ม ซึ่งได้ใช้วิชามวยไทยต่อสู้พม่าถึง ๑๐ คนและพม่าก็ได้แพ้นายขนมต้มหมดทุกคน จนถึงกับกษัตริย์พม่าพูดว่า

“คนไทยถึงแม้ว่าจะไม่มีดาบ แม้แต่มือเปล่าก็ยังมีพิษสงรอบตัว”
นายขนมต้มจึงเปรียบเสมือนผู้เป็นบิดาของวิชามวยไทยเพราะทำให้คนไทยมีชื่อเสียงเกี่ยวกับวิชามวยไทยเป็นอันมากในสมัยนั้น และชื่อเสียงก็ได้เลื่องลือมาจนถึงกับปัจจุบันนี้

ในสมัยต่อมามวยไทยก็ยังฝึกฝนคู่กับการฝึกเพลงดาบอยู่และยังฝึกและใช้เพื่อการทำสงครามและฝึกฝนเพื่อการต่อสู้ป้องกันตัว บางทีก็ฝึกเพื่อชกในงานเทศกาลต่างๆ ในสมัยอยุธยาตอนปลายพระมหากษัตริย์ของไทยบางพระองค์มีฝีมือในทางมวยไทยอยู่มาก

เช่น พระเจ้าเสือหรือขุนหลวงสรศักดิ์ ซึ่งได้หนีออกจากพระราชวังไปชกมวยกับชาวบ้านและชกชนะด้วย ต่อมาประชาชนทราบและเห็นว่าพระองค์ก็เป็นผู้มีฝีมือในวิชามวยไทยอยู่ในขั้นดีเยี่ยม ในสมัยต่อมา ผู้ที่มีฝีมือในทางมวยไทยก็มีมาก เช่น พระเจ้าตากสิน

วิชามวยไทยได้ยั่งยืนมาจนถึงสมัยปัจจุบัน และในสมัยอยุธยาตอนปลายนี้ มวยไทยได้ชกกันด้วยการคาดเชือกคือใช้เชือกเป็นผ้าพันมือ บางครั้งการชกก็อาจถึงตายเพราะเชือกที่คาดมือนั้นบางครั้งก็ใช้น้ำมันชุบเศษแก้วละเอียดชกถูกตรงไหนก็เป็นแผลตรงนั้น จะเห็นได้ว่ามวยไทยในสมัยนั้นมีอันตรายเป็นอันมาก

ต่อมาในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยามวยไทยก็มีการฝึกตามสำนักฝึกต่างๆและมีการฝึกกันอย่างกว้างขวาง จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ก็มีเวทีมวยที่จัดให้มีการแข่งขันกันอย่างสนุกสนาน เช่น เวทีสวนเจ้าเชษฐและเวทีสวนกุหลาบ ซึ่งการชกมวยในสมัยนี้ก็ยังมีการคาดเชือกกันอยู่

จนตอนหลังนวมได้เข้ามาแพร่หลายในประเทศไทย การชกกันในสมัยหลังๆจึงได้สวมนวมชก แต่การชกกันก็ยังเหมือนเดิมคือยังใช้การ ถีบ ชก ศอกและเข่า ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้

ความแตกต่างระหว่างมวยไทยและมวยสากล

มวยนั้น จะมีด้วยกันอยู่ 2 ชนิดในบ้านเราที่มีชื่อเสียง แต่เพื่อน ๆ รู้หรือไม่ครับ ว่ากีฬาประเภทนี้แตกต่างกันอย่างไร และมีกฎกติกาที่ต่างกันอย่างไร เดี๋ยววันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปดูว่ากีฬามวยไทยทั้ง 2 ชนิดต่างกันตรงไหน ไปดูกัน

1.กีฬามวยไทย

เป็นกีฬาที่สามารถใช้ได้ทุกส่วนของอวัยวะของร่างกาย และถือว่าอันตรายมาก ๆ มวยไทยจะชกด้วยกันทั้งหมด 5 ยก โดยจะชก 3 นาที พัก 2 นาที และการชกนั้นต้องมีสมองที่คิดเร็วทำเร็ว และต้องมีไหวพริบ และทักษะที่ดี

เพราะกีฬามวยไทยนั้นถ้าคิดช้าทำช้าอาจโดยคู่ต่อสู้น็อคโดยไม่รู้ตัว และจะรู้แพ้รู้ชนะกันโดยการให้คะแนนจากข้างเวที หรือน็อคเอาคู่ต่อสู้ มวยไทยถือว่าเป็นกีฬาที่เป็นเอกลักษณ์ และอยู่คู่กับไทยเรามาตั้งแต่บรรพบุรุษ

และเป็นกีฬาคู่บ้านคู่เมืองของเรา เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก ผู้คนจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาประเทศไทยเพื่อเรียนมวยไทยเป็นจำนวนมาก และนี้ก็คือกีฬาที่ใช้ทักษะ และสมองเยอะมาก ๆ และเป็นที่นิยมที่สุดในไทย

2.กีฬามวยสากล

เป็นกีฬาที่ชกด้วยกันทั้งหมด 12 ยก โดยจะชก 3นาที พัก 2 นาที โดยการจะใช้แต่ หมัด หรือกำปั้นอย่างเดียว แต่ใช้มีชั้นเชิงในการโยกหลอกหมัดของคู่ต่อ และใช้ไหวพริบในการเข้าทำ และต้องใช้การตัดสินใจที่รวดเร็วอย่างมาก เพราะถ้าช้าอาจโดนคู่ต่อสู้น็อคเอาได้ครับ การแพ้ชนะขึ้นอยู่กับคะแนนที่กรรมการข้างเวทีให้ หรือว่าน็อคก่อนยก 12 กีฬาประเภทนี้นั้นเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก และรวมถึงประเทศไทยเราด้วย

ufabet แทงมวย

การให้คะแนนต้องให้ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

การชก หมายถึง อวัยวะ (อาวุธ) ที่ใช้ในการต่อสู้ คือ หมัด เท้า เข่า ศอก

1.การชกที่ได้คะแนนมีดังนี้

– นักมวย ฝ่ายใดใช้อาวุธมวยไทย (หมัด-เท้า-เข่า-ศอก) โดยถูกต้องตามกติกา กระทำถูกคู่แข่งขันได้มากกเป็นผู้ชนะ

– นักมวยฝ่ายใดที่ใช้อาวุธมวยไทยตามลักษณะแบบแผนมวยไทย โดยถูกต้องตามกติกากระทำคู่ต่อสู้ได้หนักหน่วง ชัดแจ้ง รุนแรง และถูกเป้าหมายที่สำคัญได้มากกว่า เป็นฝ่ายชนะ

– นักมวยฝ่ายใดใช้อาวุธมวยไทย กระทำคู่ต่อสู้ให้เกิดบอบช้ำ บาดแผลที่เป็นอันตรายมากกว่า เป็นฝ่ายชนะ

– นักมวยฝ่ายใดเป็นผู้เดินเข้ากระทำ (ฝ่ายรุก) มากกว่าเป็นฝ่ายชนะ

– นักมวยฝ่ายใดเป็นผู้ รุก – รับ – หลบหลีก – ตอบโต้ ตามลักษณะและชั้นเชิงมวยไทยได้ดีกว่า เป็นฝ่ายชนะ

– นักมวยฝ่ายใด ที่มิได้กระทำฟาล์วหรือกระทำฟาล์วน้อยกว่า เป็นฝ่ายชนะ

2.การชกที่ไม่ได้คะแนนมีดังนี้- การชกที่ละเมิดกติกาข้อหนึ่งข้อใด             

– อาวุธที่กระทำไปถูก แขน, ขา ของคู่แข่งขัน อันเป็นลักษณะของการป้องกันของคู่แข่งขัน หรือ

– อาวุธที่กระทำถูกคู่แข่งขัน แต่เบา คือไม่มีน้ำหนักส่งจากร่างกาย เช่น ตัว ลำตัว หรือไหล่

การฟาล์ว

1.ระหว่างการชกแต่ละยก ผู้ตัดสินต้องคำนึงถึงความสำคัญของการฟาล์ว และตัดคะแนนตามที่ผู้ชี้ขาดสั่งให้ตัดคะแนน

2.ถ้าผู้ตัดสินเห็นการฟาล์วอย่างชัดเจน โดยผู้ชี้ขาดไม่ได้สังเกตและตัดคะแนนผู้แข่งขันที่กระทำฟาล์วนั้น ผู้ตัดสินจะต้องประเมินดูความรุนแรงของการฟาล์ว และตัดคะแนนไปตามความเหมาะสม พร้อมทั้งระบุไว้ด้วยว่า ทำฟาล์วด้วยเหตุใด

เกี่ยวกับการให้คะแนน

  1. ในยกหนึ่ง ๆ มีคะแนนเต็ม 10 คะแนน และให้คู่แข่งขันลดลงไปตามส่วน คือ 9 – 8 – 7 คะแนน
  2. ในยกที่เสมอกันจะได้ฝ่ายละ 10 คะแนน
  3. ผู้ชนะในยกนั้น จะได้คะแนน 10 คะแนน ผู้แพ้ได้ 9 คะแนน (10:9)
  4. ผู้ชนะในยกที่ชัดเจนมาก จะได้คะแนน 10 คะแนน ผู้แพ้ได้ 8 คะแนน (10:8)
  5. ผู้ชนะในยกนั้น และได้นับ 1 ครั้ง จะได้คะแนน 10 ผู้แพ้ได้ 8 คะแนน (10:8)
  6. ผู้ชนะชัดเจนมากในยกนั้น และได้นับ 1 ครั้ง จะได้คะแนน 10 ผู้แพ้ได้ 7 คะแนน (10:7)
  7. ผู้ชนะในยกนั้น และได้นับสองครั้ง จะได้คะแนน 10 ผู้แพ้ได้ 7 คะแนน (10:7)
  8. นักมวยที่กระทำฟาล์ว ต้องไม่ได้คะแนนเต็มในยกที่ถูกตัดคะแนน

สมัครสมาชิก

Last Update : 14 กรกฎาคม 2020 (ข้อมูลล่าสุดปี 2020)